วันนี้ (16 ม.ค. 66) ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน ถนนสามเสน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference จากโครงการชลประทานพะเยา ไปยังส่วนกลาง สำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ต่อไป
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (16 ม.ค. 66) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 59,920 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่างฯ เป็นน้ำใช้การได้ 35,965 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 19,106 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 77 ของความจุอ่างฯ ปริมาณน้ำใช้การได้ 12,410 ล้าน ลบ.ม. ภาพรวมปริมาณน้ำต้นทุนอยู่ในเกณฑ์ดี ในขณะที่ทั้งประเทศมีการใช้น้ำไปแล้วกว่า 9,137 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 34 ของแผนฯ(แผนจัดสรรน้ำทั้งประเทศ 27,685 ล้าน ลบ.ม.) เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วกว่า 2,857 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 32 ของแผนฯ (แผนจัดสรรน้ำลุ่มเจ้าพระยา 9,100 ล้าน ลบ.ม.) ส่วนค่าความเค็มในแม่น้ำ 4 สายหลัก ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา , แม่น้ำท่าจีน , แม่น้ำปราจีน-บางปะกง และแม่น้ำแม่กลอง ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ด้านสถานการณ์การเพาะปลูกข้าวนาปรัง ปัจจุบันทั้งประเทศมีการเพาะปลูกไปแล้วประมาณ 6.44 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 62 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยามีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้วประมาณ 4.75 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 71 ของแผนฯ ทั้งนี้ ได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่บริหารจัดการน้ำอย่างรอบคอบ ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำไว้ใช้ในพื้นที่ให้ได้มากที่สุดโดยไม่กระทบต่อพื้นที่การเกษตร และเป็นไปตามแผน 10 มาตรการรองรับฤดูแล้งปี 65/66 ที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) กำหนด รวมทั้งกำชับให้ทางสำนักงานชลประทานในพื้นที่ดำเนินการกำจัดวัชพืชสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้สามารถส่งน้ำให้กับเกษตรกร ได้ทำการเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้งนี้ ควบคู่ไปกับการรณรงค์สร้างการรับรู้ในเรื่องการบริหารจัดการน้ำและการใช้น้ำอย่างประหยัดด้วย
อนึ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 19 – 24 ม.ค.66 ภาคใต้ตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ยังคงเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะจังหวัด สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส พร้อมกำชับไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่ เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศจากทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างทันต่อเหตุการณ์ จัดเตรียมเครื่องจักร อาทิ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รถแทรกเตอร์ รถขุด และเครื่องจักรอื่นๆ ที่สำคัญให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์น้ำและแผนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด
No Comments