ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้พื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ยังคงมีฝนตกชุกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำสะสมในอ่างเก็บน้ำและในแม่น้ำสายหลักเพิ่มมากขึ้น ล่าสุด(22 ก.ค. 67) 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 9,600 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 39 ของความจุอ่างฯ รวมกัน ยังสามารถรับน้ำรวมกันได้อีกประมาณ 15,271 ล้าน ลบ.ม.
ด้านสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สถานนีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เมื่อเวลา 14.00 น. มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,102 ลบ.ม./วินาที มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายกตัวสูงขึ้นตามไปด้วย กรมชลประทาน ได้รับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้เกษตรกรได้นำไปใช้ประโยชน์ พร้อมปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 625 ลบ.ม./วินาที และประสานไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พิจารณาปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ ร่วมกับปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ควบคู่ไปด้วย เพื่อช่วยลดภาระการระบายน้ำในพื้นที่ตอนล่าง
ทั้งนี้ จากปริมาณน้ำเหนือที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 700 – 800 ลบ.ม. / วินาที คาดว่าจะทำให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา(แม่น้ำน้อย) เพิ่มสูงขึ้น แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน
อนึ่ง กรมชลประทาน ได้เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้มากที่สุด ตามข้อสั่งการของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้น และจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิดด้วย
No Comments