“หมอบุณย์”แทตทีมจัดทอร์คโชว์สร้างสรรค์แพทย์แผนไทย

23 พ.ย. 62 นายบุณยพร ยี่มี หรือวงการแพทย์แผนไทยรู้จักในนาม”หมอบุณย์” อนุกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ และผอ.สถาบันเวชศาสตร์ ปทุมธานี ผู้จัดเวทีทอร์คโชว์ สร้างสรรค์แพทย์แผนไทยขึ้น โดยรวมพลังขึ้นเวทีประกอบด้วย นักกำหนดอาหารวิชาชีพ คุณแววตา เอกชาวนา นักวิชาการแผนไทยคุณมนตรี สุทธิธรรม และวิทยากรสุขภาพ คุณนิตยา ทัศนะบรรจง ณ โรงแรมเอส ดี อเวนิว กรุงเทพฯ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้สนใจวิชาชีพแพทย์แผนไทย ที่วันนี้ประเทศไทยกำลังตื่นตัวและเป็นที่สนใจจากคนไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หมอบุณย์กล่าวว่าสำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงานนี้ ต้องการจะเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อให้การแผนไทยให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยยึดการผสมผสานศาสตร์อย่างแยบยลให้สามารถยืนอย่างสง่าและยั่งยืน สามาถรักษาคนทุกชนชาติโดยใช้วิทยาศาตร์เป็นตัวสนับสนุนและขยายความที่พิสูจน์ได้ในเบื้องต้นให้ผลักดันเพื่อสร้างผู้ที่เป็นแพทย์แผนไทยใน 3 กลุ่ม คือ 1.สร้างแพทย์แผนไทย เพื่อรักษาคนไทยภายในประเทศ โดยใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร
2.การสร้างแพทย์แผนไทย รักษาภายในประเทศที่สามารถสื่อสารกับนะกท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้และ
3.สร้างแพทย์แผนไทย อย่างเป็นระบบพร้อมจัดส่งไปบริการยังต่างประเทศได้

ทั้งนี้ การแพทย์แผนไทยมีความจำเป็นต้องมีการผลักดันและทำงานอย่างต่อเนื่องทั้งภาครัฐ ภาคราชการและเอกชน โดยเฉพาะสภาการแพทย์แผนไทย ที่มีพลเรือเอก ชาญชัย เจริญสุวรรณ เป็นนายกสภาการแพทย์แผนไทย ตนขอให้ท่านอยู่ต่อไป หากแพทย์แผนไทยยังไม่เติบโต ขอให้ต่อสู้ต่อไปแม้มีปัญหาและอุปสรรค์มากก็ตาม
“อยากจะเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อให้การแผนไทยให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยยึดการผสมผสานศาสตร์อย่างแยบยลให้สามารถ
1.สร้างแพทย์แผนไทย รักษาภายในประเทศ โดยใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร
2.สร้างแพทย์แผนไทย รักษาภายในประเทศโดยสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้
3.สร้างแพทย์แผนไทย ที่สามารถไปรักษายังต่างประเทศได้
การแพทย์แผนไทยมีความจำเป็นต้องมีการผลักดันและทำงานอย่างต่อเนื่องทั้งภาครัฐ ภาคราชการและเอกชน โดยเฉพาะสภาการแพทย์แผนไทย ที่มีพลเรือเอก ชาญชัย เจริญสุวรรณ เป็นนายกสภาการแพทย์แผนไทยตนขอให้ท่านอยู่ต่อไป หากแพทย์แผนไทยยังไม่เติบโต ขอให้ต่อสู้ต่อไปแม้มีปัญหาและอุปสรรค์มาก “หมอบุญย์กล่าว

ด้านพลเรือเอก ชาญชัย เจริญสุวรรณ นายกสภาการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า งานนี้เป็นงานที่ดีและต้องชื่นชม หมอบุณย์จากภาคเอกชนได้ช่วยผลักดันการแพทย์แผนไทยให้ทุกฝ่ายได้เห็นประโยชน์ของการแพทย์แผนไทย ซึ่งต่อไปคิดว่าทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จะตื่นตัวและร่วมกันผลักดันให้การแพทย์แผนไทยเติบโตโดยมีหลักวิทยาศาตร์ให้การสนับสนุนให้สง่างามในเวทีโลก