ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา โฆษกกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้เริ่มทยอยส่งน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ ที่ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างฯ 6,390 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 67 ของความจุอ่างฯ เป็นน้ำใช้การได้ประมาณ 3,540 ล้าน ลบ.ม. ให้ทุ่งบางระกำ พื้นที่ 327,000 ไร่ ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2568 ให้เกษตรกรเริ่มเพาะปลูกข้าวนาปีได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป เพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วเสร็จก่อนฤดูน้ำหลากจะมาถึงช่วงกลางเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม รวมปริมาณน้ำที่สนับสนุนการเพาะปลูก และรักษาระบบนิเวศน์ ประมาณ 540 ล้าน ลบ.ม.
“สำหรับโครงการบางระกำโมเดล กรมชลประทานได้บูรณาการบริหารจัดการน้ำแบบมีส่วนร่วมต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 9 ปรับปฏิทินการเพาะปลูกข้าวนาปีพื้นที่ลุ่มต่ำในเขตชลประทานที่อยู่ระหว่างแม่น้ำยมกับแม่น้ำน่าน ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด 5 อำเภอ ได้แก่ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ อ.เมือง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก และ อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย โดยเลื่อนเวลาการเพาะปลูกข้าวฤดูนาปีในพื้นที่ลุ่มต่ำเร็วขึ้น ส่งน้ำให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกข้าวนาปีในพื้นที่โครงการ จากเดิมที่เริ่มในเดือนพฤษภาคม มาเป็นเดือนเมษายน เพื่อให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ก่อนฤดูน้ำหลาก”
นอกจากนี้ พื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำ ยังเป็นพื้นที่รองรับปริมาณน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากจากลุ่มน้ำยม ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากอุทกภัยทั้งในเขต จ.พิษณุโลก และพื้นที่เศรษฐกิจ จ.สุโขทัย รวมไปถึงลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน กรมชลประทานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปล่อยพันธุ์ปลา ส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะเลี้ยงในช่วงฤดูน้ำหลาก ช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรและชุมชน จากนั้นช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ทุ่งบางระกำจะคงเหลือปริมาณน้ำส่วนหนึ่งค้างไว้ในทุ่ง สำหรับให้เกษตรกรใช้ในการเตรียมแปลงเพาะปลูกข้าวนาปรังต่อไป สามารถช่วยประหยัดน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนสิริกิติ์ได้อีกทางหนึ่ง
No Comments