ตลอดระยะเวลา 47 ปี ที่การเคหะแห่งชาติได้มีภารกิจด้านพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลางทั่วประเทศ โดยจัดทำโครงการต่างๆ เพิ่มโอกาสให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของการเคหะแห่งชาติตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน สามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยมาแล้ว 737,151 หน่วย พร้อมขับเคลื่อนโครงการสำคัญตอบสนองนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงนำนวัตกรรมเทคโนโลยีการก่อสร้างมาพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาประหยัด ตลอดจนจัดทำดัชนีการอยู่อาศัยของชุมชน เพื่อติดตามและประเมินผลการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมโดยรวมในระดับชุมชนและระดับครัวเรือนของผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศ
โดยในปีที่ผ่านมาการเคหะแห่งชาติมีผลการดำเนินงานที่ดีมาก เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยในส่วนของงานก่อสร้าง แผนงานยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยโครงการอาคารเช่า ทำไปแล้ว 11,903 หน่วย แผนเสริมสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย คืออาคารเช่าซื้อ ดำเนินการไป 12,666 หน่วย แผนพัฒนาที่อยู่อาศัยข้าราชการ ทำไป 3,988 หน่วย ขณะที่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2563 ก็เริ่มไปในทิศทางที่ดี คาดว่าพอถึงสิ้นปีงบประมาณจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทุกโครงการ เนื่องจากปัจจุบันการเคหะแห่งชาติมีแนวทางการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตั้งเป้าให้ปี 2563 เป็นปีแห่งการพัฒนาคุณภาพและนวัตกรรม ทั้งด้านการบริหารสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การใช้นวัตกรรมเข้าไปปรับปรุงคุณภาพการก่อสร้างให้มีความรวดเร็วและได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น นำไปสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืน
สำหรับเป้าหมายในปี 2563 การดำเนินงานด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย การเคหะแห่งชาติเดินตามกรอบแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) เพื่อสนองตอบนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานต่างๆ ของรัฐได้เป็นอย่างดี โดยมีผลงานเด่นหลายโครงการที่สามารถตอบโจทย์ของรัฐบาลและขับเคลื่อนต่อเนื่องในปี 2563 โครงการที่เป็นไฮไลท์เป็นโครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม) ระยะที่ 2 – 4 รวมทั้งสิ้น 6,212 หน่วย ในปีนี้จะเริ่มดำเนินการในระยะที่ 2 จำนวน 1,247 หน่วย ซึ่งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน กรุงเทพมหานคร (คชก.) ให้ความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) พิจารณาก่อนดำเนินการรื้อถอนอาคารแฟลตเดิม แฟลตที่ 18 – 22 ซึ่งจะดำเนินการก่อสร้างได้ภายในเดือนเมษายนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีถึงจะเสร็จ จากนั้นจะเริ่มระยะที่ 3-4 ต่อไป
นอกจากนี้ การเคหะแห่งชาติยังได้จัดสร้างโครงการอาคารเช่า เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้เช่าที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานและมีสภาพแวดล้อมที่ดี โดยในปี 2560 – 2562 คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบจัดสร้างโครงการอาคารเช่าแล้ว 11,903 หน่วย ขณะนี้บางโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้าง และบางโครงการอยู่ระหว่างจัดหาผู้รับจ้าง ขณะเดียวกันการเคหะแห่งชาติยังได้จัดโปรโมชั่น “เช่าทั่วไทย” บ้านเช่าราคาพิเศษให้กับประชาชน เริ่มต้นเพียง 999 บาท ซึ่งเป็น 1 ใน “ของขวัญปีใหม่ พม. สำหรับประชาชนปี 2563” โดยเปิดจองผ่านระบบออนไลน์ http://999.nha.co.th ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม – 30 มิถุนายน 2563 มีโครงการเข้าร่วม 10,000 หน่วย ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนแล้วเกือบ 16,000 ราย
นอกจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแล้ว การเคหะแห่งชาติยังได้ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยจัดทำโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562 เห็นชอบในหลักการให้การเคหะแห่งชาติจัดทำโครงการดังกล่าว วงเงิน 5,207 ล้านบาท มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง แต่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินในตลาดปกติได้ และไม่มีประวัติทางการเงินเสียหาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารการให้สินเชื่อเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยปีงบประมาณ 2563 สำนักงบประมาณได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้การเคหะแห่งชาติ จำนวน 346 ล้านบาท และคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อโครงการสินเชื่อฯ ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้กำลังซื้อลดน้อยลง อีกทั้งปัญหาส่วนใหญ่คือผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยแต่มีรายได้น้อยมักจะกู้เงินซื้อบ้านไม่ผ่าน ดังนั้น การเคหะแห่งชาติจึงพยายามพัฒนานวัตกรรมที่ทำให้การสร้างบ้านมีราคาถูกลงแต่ยังคงคุณภาพไว้ เป็นที่มาของโครงการบ้านราคาประหยัดมาตรฐานสูง (Smart Home) ที่การเคหะแห่งชาตินำนวัตกรรมการก่อสร้างที่อยู่อาศัยมาจัดสร้างบ้านที่มีคุณภาพดีเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยในสังคมยุคใหม่ โดยนำนวัตกรรมการก่อสร้างแบบชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จ หรือระบบ Precast มาใช้ เพื่อย่นระยะเวลาการก่อสร้างให้เร็วขึ้น ช่วยลดปัญหาด้านแรงงานไม่เพียงพอ และสามารถควบคุมต้นทุนและคุณภาพได้ดี ซึ่งการเคหะแห่งชาติได้ออกแบบบ้านเดี่ยวชั้นเดียวในลักษณะ Universal Design อาศัยอยู่ร่วมกันได้ทุกช่วงวัย ขนาดเนื้อที่ 20 ตารางวา มี 3 รูปแบบ ได้แก่ พื้นที่ใช้สอยประมาณ 22, 28 และ 36 ตารางเมตร ราคาขายอยู่ระหว่าง 350,000 – 550,000 บาท โดยจัดสร้างบ้านตัวอย่างที่บริเวณด้านหน้าสนามกีฬาคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวโครงการภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาดูบ้านตัวอย่างและลงทะเบียน สำรวจความต้องการเพื่อพิจารณาพื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างในอนาคต
บ้านนวัตกรรมหรือ Smart Home สามารถตอบโจทย์ผู้มีรายได้น้อยที่อยากมีบ้านเป็นของตนเอง คาดว่าโครงการนี้จะได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก ที่สำคัญยังได้รับความร่วมมือจากสถาบันการเงินต่างๆ เข้ามาให้สินเชื่อจะทำให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีโอกาสเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของตนเองได้รวดเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ บ้านนวัตกรรมที่ออกแบบในลักษณะ Universal Design เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย ยังสามารถรองรับสังคมผู้สูงวัยที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ ทางการเคหะแห่งชาติจึงได้ทำ โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ 4 มุมเมือง (กรุงเทพฯและปริมณฑล) ได้พิจารณาพื้นที่เป้าหมายไว้แล้วสำหรับจัดสร้างที่อยู่อาศัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงวัย
นวัตกรรมการพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติต่อจากนี้ จะมุ่งเน้นการสร้างที่อยู่อาศัยให้มีความรวดเร็ว มีคุณภาพ ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ต้นทุนถูกลง และที่สำคัญเหมาะกับผู้อยู่อาศัยทุกช่วงวัย เพื่อสานฝันให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง สามารถมีบ้านเป็นของตนเองได้ในที่สุด
No Comments