นายไพฑูรย์ ศรีมุก ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 เปิดเผยหลังจากลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ในลุ่มน้ำชี บริเวณจังหวัดมหาสารคามและร้อยเอ็ดว่า ปัจจุบัน (24 ส.ค. 67) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางในลุ่มน้ำชี มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 2,607 ล้าน ลบ.ม. (43 % ของความจุอ่างฯรวมกัน) ยังสามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 3,350 ล้าน ลบ.ม.(56 % ของความจุอ่างฯรวมกัน)
ด้านสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชีตอนกลาง ส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยที่เขื่อนชนบท จังหวัดขอนแก่น เขื่อนมหาสารคามจังหวัดมหาสารคาม มีปริมาณน้ำเฉลี่ยประมาณ 20.3 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 51 % ของความจุเก็บกัก ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่ง 6-7 เมตร สามารถรองรับปริมาณน้ำได้รวมกันอีกกว่า 55 ล้าน ลบ.ม. ส่วนเขื่อนวังยางและเขื่อนร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด มีปริมาณน้ำเฉลี่ย 32.3 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 65 % ของความจุเก็บกัก ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่ง 4-5 เมตร สามารถรองรับปริมาณน้ำได้รวมกันอีกกว่า 55 ล้าน ลบ. แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ฝน จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน ด้วยการเปิดบานประตูระบายน้ำในแม่น้ำชีทุกแห่ง เพื่อเร่งระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานกาณ์ตามช่วงเวลา โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมอีก 5 เครื่อง บริเวณประตูระบายน้ำท่าสองคอน อ.เมือง จ.มหาสารคาม เพื่อให้สูบน้ำได้มากขึ้น ช่วยเพิ่มศักยภาพของสถานีสูบน้ำท่าสองคอน ที่มีเครื่องสูบน้ำประจำอยู่แล้ว 4 เครื่อง เร่งสูบระบายน้ำจากพื้นที่เศรษฐกิจเมืองมหาสารคามลงแม่น้ำชี ซึ่งกรณีที่ระดับน้ำในแม่น้ำชีสูงมาก จะทำการปิดบานประตูระบายน้ำท่าสองคอน ก่อนเดินเครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำแทน ทั้งนี้ ยังได้ตรวจความมั่นคงแข็งแรงของพนังกั้นน้ำชีเก่า ที่โครงการชลประทานมหาสารคามได้เสริมคันดินเพิ่มความมั่นคงแข็งแรง เพื่อเตรียมรองรับสถานการณ์ฝนที่จะมาถึงในระยะต่อไป
อนึ่ง นายไพฑูรย์ฯ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกโครงการชลประทาน ติดตามสภาพอากาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง เตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ กระสอบทราย ถุงบิ๊กแบ๊ค ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
No Comments